วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การบ้าน

วัน อังคาร ที่ 3 พฤษจิกายน 2552
ฉันตื่นแต่เช้าแบล้วไปโรงเรียนอย่างสดชื่นเพราะวันนี้เป็นวันลอยกระทง พอกลับจากโรงเรียนฉีนก็รีบกลับมาบ้านแล้วรีบทำกระทงเพื่อจะได้ไปลอยในงานวันลอยกระทงที่ทุ่งเป้ากับเพื่อนๆๆ วันนี้ฉันกลีบดึกพอควรเพราะอยู่กับเพื่อนๆๆนานไปหน่อย พอกลีบถึงบ้านฉันก็หลับ

การบ้าน

วัน เสาร์ ที่ 17 ตุลาคม 2552
ฉันต้องตื่นนอนแต่เช้าหรือว่าได้ว่าตื่นเช้ากว่าปย่ที่มาช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวโพดในวันนี้กติเพราะฉันต้องช่วยแม่เตรียมของเพื่อจะไปเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่ไร่ วันนี้ฉันก็ต้องไปช่วยพ่อกับแม่ที่ไร่
พอมมาถึงที่ไร่ฉันก็ต้องค่อยเสริฟน้ำให้พวกผู้ใหญ่ที่มาช่วยเก็บเกี่ยวข้าวโพดฉันในวันนี้ วันนี้ฉันรูสึกเหนื่อยมากเพราะวันนี้หนักมาเท่าที่ฉันเคยทำมาเลย

การบ้าน

วัน อังคาร ที่ 13 ตุลาคม 2552
ฉันตื่นนอนแต่เช้าเพื่อจะช่วยพี่เตรียมของเพื่อจะได้ไปขายในงานเข่าสลากบ้านทุ่งฮี ซึ่งงานเข้าสลากเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวภาคเหนือซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน กันยายน-ตุลาคม และในงานมีการแสดงโชว์ฟ้อนรำของหมู่บ้านต่างๆที่มีความสวยงานไม่แพ้กัน และในงานคนเยอะมากๆๆ

การบ้าน

วันที่ จันทร์ ที่ 5 ตุลาคม 2552
ฉันตื่นนอนแต่เช้า อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และออกมาช่วยแม่ทำกับข้าวข้างนอกเพื่อเตรียมให้พ่อแต่เช้าเพราะวันนี้ฉันกับแม่ตั้งใจจะไปเยี่ยมป้าที่โรงพยาบาลเขลางนคร เพราะป้าไม่สบายมากหมอที่โรงพยาบาลส่งมาเมื่อวานนี้ตอนเช้า
หลังจากเยี่ยมป้าเสร็จฉันกับแม่ก็พากันไปเที่ยวที่ BIG-C ไปซื้อของใช้ส่วนตัวพอกลับออกจากBIG-c ฉันกับแม่ก็พากันกลับบ้าน

การบ้าน

วัน อาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม 2552
ทุกๆคนก็จะรู้กันนะคะว่า วันนี้ เป็นวันออกพรรษา ซึ่งเป็นวันที่สำคัญของพระพุทธศาสนา และวันนี้เป็นวันเกิดของดิฉันด้วยและในตอนเช้าของวันนี้ฉันก็ได้ไปทำบุญกับครอบครัวด้วยคะ ซึ่งภายในวัดก็มีคนมากมายพร้อมหน้าพร้อมตากันมาร่วมทำบุญตักบาตร วันนี้ดิฉันรู้สึกสบายใจมากคะ และพอตกตอนเย็นฉันก็ได้ไปเวียนเทียนกับเพื่อนๆ และวันนี้ฉันรู้สึกอิ่มบุญมากเลยค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

บทความเกี่ยวกับการศึกษา



ชื่อบทความ ภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคต
ชื่อผู้เขียนบทความ รศ. ดร.อุทัย บุญประเสริฐ
ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2549

สรุปสาระสำคัญของบทความ
ภาวะผู้นำเป็นกระบวนการที่ผู้นำหรือู้ที่มีภาวะผู้นำ เป็นผู้ที่ชักนำ จูงใจ ชี้นำ ใช้อิทธิพลหรืออำนาจที่มีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้หรือกระตุ้นให้หรือชี้นำให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาให้ยินดี เต็มใจ พร้อมใจ ยินดีในการกระทำการ ให้มีความกระตือรือร้นหรือร่วมดำเนินการอย่าใดอย่างหนึ่งตามที่ผู้นำต้องการหรือตามที่ผู้นำต้องการให้มีพฤติกรรมไปในทิศทางที่เขาชักนำในการทำงานหรือดำเนินกิจกรรมที่ผู้นำนั้นรับผิดชอบหรือตามที่ผู้นำนั้นต้องการ ซึ่งสิ่งที่ผู้นำในโรงเรียนในอนาคต ควรมีเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาภาวะผู้นำ อย่างน้อยน่าจะประกอบด้วยสิ่งสำคัญเหล่านี้ 1) ความสามารถเชิงวิสัยทัศน์ การวางแผนและการกำหนดเป้าหมายขององค์การ
2) ความสามารถในการทำงานแบบมีส่วนร่วม 3) ความสามารถในการสื่อสารแบบมีประสิทธิผล 4) ความสามารถในกาสร้างทีมงาน 5) ความสามารถในการดำเนินกระบวนการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วม 6) ความสามารถในการจัดการกับปัญหา 7) ความสามารถในเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์และการริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงองค์การ


ความคิดเห็นต่อบทความ
เป็นบทความที่อธิบายถึงบทบาทและแนวทางในการปฏิบัติของผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตที่ควรนำมาพิจารณา ในการบริหารงานในสถานศึกษา ว่ามีความสามารถในแต่ละด้านแล้วหรือยัง ซึ่งความสามารถเหล่านั้นเป็นความสามารถที่ ถ้าผู้บริหารคนใดมีมากก็จะทำให้บริหารงานในหน่วยงานของตนได้ดี

การนำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน
จากบทความภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตนี้ แนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้คือ นำเอาองค์ความรู้นี้ไปวิเคราะห์ว่ามีประเด็นใดที่สมารถจะดำเนินการได้ก่อน-หลังตามลำดับและนำไปส่งเสริมให้บุคลากรในสถานศึกษามีความสามารถในแต่ละด้านที่กล่าวถึง เพราะการเป็นผู้นำนั้นไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้ที่เป็นผู้บริการสถานศึกษาเท่านั้น แต่บุคลากรทุกคนในสถานศึกษาจะต้องมีความรู้และความสามารถดังกล่าวด้วย เพราะในบางสถานการณ์ก็ต้องเป็นผู้นำในบางเรื่องเช่นเดียวกัน ตามทฤษฎีการบริหารตามสถานการณ์ เพื่อการทำงานท่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการอ่านหนังสือให้จำได้



เทคนิคการอ่านหนังสือที่จำได้

วันที่ อาทิตย์ กุมภาพันธ์ 2551
พิมพ์หน้านี้ ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation

เทคนิคการอ่านหนังสือให้จำได้ง่ายๆ
ช่วงนี้คิดว่าหลายๆคนที่กำลังเรียนอยู่ก็คงจะใกล้สอบกันแล้วซินะ บางคนถ้าหากเตรียมตัวมาดีก็ดีไป แต่สำหรับบางคนที่มาเร่งช่วงสุดท้ายละก็มีหวัง…. งั้นวันนี้เราลองมาดูเคล็ดลับการอ่านหนังสือให้จำได้กันดีกว่านะ

เทคนิคการอ่านหนังสือยังไงให้จำง่ายๆ
ข้อที่ 1. ต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 5.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้อ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ ก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ข้อที่ 6.นั้นงัยๆๆๆบอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!ลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่เฉลย ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่บอกไว้ในข้อที่ 5 นะค่ะ
ข้อที่ 7.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
ข้อที่ 8.ในการอ่านหนังสือ ควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้พักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือกเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)
ข้อที่ 9.นั้นแน่ๆ รู้นะว่าเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าจะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
ข้อที่ 10.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกให้จดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่จำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
ข้อที่ 11.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย บางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะ

ข้อมูลบางส่วนมาจาก www.dek-d.com
อ้างอิงhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=216289